SDK และ API ของ Google Meet ช่วยให้นักพัฒนาแอปโต้ตอบกับ Meet ได้ คุณจะผสานรวม Meet ไว้ในผลิตภัณฑ์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ใน Meet ได้แบบเป็นโปรแกรม
Meet SDK และ API
การใช้โซลูชันและผสานรวมกับ Google Meet ทำได้หลายวิธีดังนี้
- SDK ของส่วนเสริม Google Meet สำหรับเว็บ: ฝังแอปของคุณลงใน Meet เป็นส่วนเสริมที่ผู้ใช้สามารถค้นพบ แชร์ และทำงานร่วมกันในแอปได้โดยไม่ต้องออกจาก Meet และยังซิงค์เนื้อหาแบบเรียลไทม์และให้การควบคุมที่แชร์แก่ผู้ใช้จากแอปได้
- Google Meet REST API: สร้างและจัดการการประชุมภายในแอป รวมถึงดึงข้อมูลจากการประชุม
แผนภาพต่อไปนี้จะช่วยคุณเลือกปลายทางที่ถูกต้องสำหรับโจทย์ที่คุณพยายามแก้ไข
SDK กับ API แตกต่างกันอย่างไร
SDK และ API เป็น 2 เครื่องมือที่คุณสามารถใช้เมื่อพัฒนาแอปสำหรับ Meet โดยพื้นฐานแล้ว SDK และ API มีลักษณะคล้ายคลึงกัน และช่วยให้คุณเพิ่มความสามารถของแอปได้
SDK
ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDK) คือเครื่องมือสำหรับสร้างซอฟต์แวร์บนแพลตฟอร์ม ระบบปฏิบัติการ หรือภาษาโปรแกรมที่เฉพาะเจาะจง SDK มักประกอบด้วยคอมไพเลอร์ ไลบรารีโค้ด โปรแกรมแก้ไขข้อบกพร่อง เอกสารประกอบ บทแนะนำ ตัวอย่างโค้ด และไลบรารี API อย่างน้อย 1 รายการเพื่ออำนวยความสะดวกในการสื่อสาร
SDK มีประโยชน์หลายประการ ดังนี้
- ซึ่งประกอบด้วยทุกอย่างที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องการในการสร้างและเรียกใช้ซอฟต์แวร์ ทำให้ซอฟต์แวร์สร้างขึ้นอย่างมีมาตรฐาน
- สร้างรอบการพัฒนาได้เร็วขึ้นเนื่องจาก SDK มีคอมโพเนนต์และไลบรารีที่สร้างไว้ล่วงหน้าสำหรับการพัฒนาแอป
- มีข้อมูลในตัว เช่น เอกสารประกอบและบทแนะนำที่ช่วยให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์สร้าง ทดสอบ และทำให้แอปใช้งานได้
- ควบคุมต้นทุนโดยการลดเวลาและทรัพยากรในการพัฒนาแอป
API
Application Programming Interface (API) ช่วยในการติดต่อสื่อสารระหว่างแพลตฟอร์ม 2 แพลตฟอร์มโดยอนุญาตให้นักพัฒนาแอปสร้างบริการที่เสนอใน API API ไม่ว่าจะอยู่ใน SDK หรือเป็นแบบสแตนด์อโลนจะใช้โปรโตคอลที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อระบุวิธีแลกเปลี่ยนข้อมูล API จะช่วยลดความซับซ้อนของการเชื่อมต่อกับบริการเพื่อให้การผสานรวมระหว่างแอปเป็นไปได้
โดยปกติแล้ว API จะประกอบด้วยส่วนต่อไปนี้
- อินเทอร์เฟซ: Web API หรือ Web Service API (ซึ่งเป็นอินเทอร์เฟซการประมวลผลแอปพลิเคชันระหว่างเว็บเซิร์ฟเวอร์กับเว็บเบราว์เซอร์ที่เข้าถึงได้โดยตรงผ่านคีย์เวิร์ด) หรือ REST API (ซึ่งเป็นอินเทอร์เฟซแบบไม่มีสถานะที่ใช้ในการเข้าถึงข้อมูลธรรมดาโดยอ้อมผ่านฟังก์ชัน HTTP เช่น GET, PATCH, DELETE)
- ข้อมูลอ้างอิงและเอกสารประกอบทางเทคนิค: ข้อมูลจำเพาะและเอกสารประกอบคำแนะนำที่อธิบายวิธีใช้ API
API มีประโยชน์หลายประการ ดังนี้
- การผสานรวมระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ใช้เวลาในการพัฒนานานขึ้นเมื่อคุณนําโค้ดฐานที่มีอยู่มาใช้ซ้ำ
- การอัปเดตใช้ได้ที่ระดับ API แทนที่จะทําให้โค้ดทั้งหมดทํางานอีกครั้ง
- กระตุ้นให้ผู้ใช้ใหม่ค้นพบผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
เลือกระหว่าง SDK กับ API
SDK และ API ทําให้กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพและทำงานร่วมกันได้มากขึ้น แม้ว่า SDK จะมี API อยู่แล้ว แต่เครื่องมือทั้งสองก็สามารถทำงานร่วมกันได้
ดูตารางต่อไปนี้เพื่อดูกรณีที่ควรใช้เครื่องมือแต่ละรายการ
SDK | API | |
---|---|---|
คำอธิบาย | ชุดเครื่องมือสำหรับสร้างซอฟต์แวร์บนแพลตฟอร์ม ระบบปฏิบัติการ หรือภาษาโปรแกรมที่เฉพาะเจาะจง | ช่วยในการสื่อสารระหว่าง 2 แพลตฟอร์ม |
วิธีการทำงาน | ติดตั้งก่อนพัฒนาแอป | รับคีย์ API เพื่อส่งคําขอ API |
การทำงาน | สร้างแอปหรือ API | ขยายความสามารถของแอปเพื่อเชื่อมต่อกับระบบที่มีอยู่ |
Use Case | เมื่อต้องใช้เครื่องมือเฉพาะแพลตฟอร์มเพื่อช่วยให้เขียนโค้ดได้เร็วขึ้น | เมื่อคุณต้องการต่อยอดความสามารถที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์รายอื่นเขียนไว้ |
แพลตฟอร์ม | ภาษาและแพลตฟอร์ม | การสื่อสารข้ามแพลตฟอร์ม |