Structured Data สำหรับองค์กร (Organization)
  
 
    
  การเพิ่ม Structured Data ขององค์กรลงในหน้าแรกจะช่วยให้ Google เข้าใจรายละเอียดด้านการดูแลระบบขององค์กรได้ดียิ่งขึ้นและช่วยขจัดความกำกวมเกี่ยวกับองค์กรของคุณในผลการค้นหา โดยบางพร็อพเพอร์ตี้จะมีการใช้อยู่เบื้องหลังเพื่อแยกองค์กรของคุณออกจากองค์กรอื่นๆ
  (เช่น iso6523 และ naics) ขณะที่ชิ้นงานอื่นๆ อาจส่งผลต่อองค์ประกอบการมองเห็นในผลการค้นหา (เช่น logo รายการใดจะแสดงในผลการค้นหาของ Search และในการ์ดความรู้ของคุณ)
  หากเป็นผู้ขาย คุณสามารถกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมในการ์ดความรู้ของผู้ขายและโปรไฟล์แบรนด์ เช่น นโยบายคืนสินค้า ที่อยู่ และข้อมูลติดต่อ ทั้งนี้ จะไม่มีการกำหนดพร็อพเพอร์ตี้ที่จำเป็น แต่เราขอแนะนำให้เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรของคุณให้มากที่สุด
วิธีเพิ่ม Structured Data
ข้อมูลที่มีโครงสร้างคือรูปแบบมาตรฐานในการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับหน้าและจำแนกประเภทเนื้อหาของหน้า หากคุณเพิ่งใช้ข้อมูลที่มีโครงสร้างเป็นครั้งแรก โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการทำงานของข้อมูลที่มีโครงสร้าง
ต่อไปนี้เป็นภาพรวมเกี่ยวกับวิธีสร้าง ทดสอบ และเผยแพร่ข้อมูลที่มีโครงสร้าง
- เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ที่แนะนำที่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บของคุณให้มากที่สุด ไม่มีพร็อพเพอร์ตี้ที่จําเป็น แต่ให้เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ที่ใช้กับเนื้อหาของคุณแทน ดูตำแหน่งการแทรก Structured Data ในหน้าเว็บตามรูปแบบที่คุณใช้อยู่
- ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์
- ตรวจสอบความถูกต้องของโค้ดโดยใช้การทดสอบผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย และแก้ไขข้อผิดพลาดที่สําคัญทั้งหมด พิจารณาแก้ไขปัญหาที่ไม่สําคัญซึ่งอาจมีการรายงานในเครื่องมือด้วย เพราะอาจช่วยปรับปรุงคุณภาพของ Structured Data ได้ (แต่ไม่จําเป็นว่าต้องมีสิทธิ์ปรากฏในผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดีย)
- ทำให้หน้าบางหน้าที่มีข้อมูลที่มีโครงสร้างใช้งานได้และใช้เครื่องมือตรวจสอบ URL เพื่อทดสอบว่า Google เห็นหน้าในลักษณะใด ตรวจสอบว่า Google เข้าถึงหน้าดังกล่าวได้และไม่มีการบล็อกหน้าด้วยไฟล์ robots.txt, แท็ก noindexหรือข้อกำหนดให้เข้าสู่ระบบ หากหน้าเว็บดูถูกต้องดีแล้ว คุณขอให้ Google ทำการ Crawl URL อีกครั้งได้
- หากต้องการให้ Google ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่ตลอด เราขอแนะนำให้ส่ง Sitemap ซึ่งกำหนดให้ดำเนินการแบบอัตโนมัติได้โดยใช้ Search Console Sitemap API
ตัวอย่าง
Organization
ต่อไปนี้คือตัวอย่างข้อมูลองค์กรในโค้ด JSON-LD
<html>
  <head>
    <title>About Us</title>
    <script type="application/ld+json">
    {
      "@context": "https://schema.org",
      "@type": "Organization",
      "url": "https://www.example.com",
      "sameAs": ["https://example.net/profile/example1234", "https://example.org/example1234"],
      "logo": "https://www.example.com/images/logo.png",
      "name": "Example Corporation",
      "description": "The example corporation is well-known for producing high-quality widgets",
      "email": "contact@example.com",
      "telephone": "+47-99-999-9999",
      "address": {
        "@type": "PostalAddress",
        "streetAddress": "Rue Improbable 99",
        "addressLocality": "Paris",
        "addressCountry": "FR",
        "addressRegion": "Ile-de-France",
        "postalCode": "75001"
      },
      "vatID": "FR12345678901",
      "iso6523Code": "0199:724500PMK2A2M1SQQ228"
    }
    </script>
  </head>
  <body>
  </body>
</html>OnlineStore (ประเภทย่อยของ Organization) ที่มีนโยบายคืนสินค้า
ต่อไปนี้คือตัวอย่างร้านค้าออนไลน์ที่มีนโยบายคืนสินค้าในโค้ด JSON-LD
ดูตัวอย่างเพิ่มเติมและข้อมูลโดยละเอียดสำหรับนโยบายคืนสินค้ามาตรฐานระดับผู้ขายได้ในเอกสารประกอบมาร์กอัปนโยบายคืนสินค้าของผู้ขายแยกต่างหาก
<html>
  <head>
    <title>About Us</title>
    <script type="application/ld+json">
    {
      "@context": "https://schema.org",
      "@type": "OnlineStore",
      "name": "Example Online Store",
      "url": "https://www.example.com",
      "sameAs": ["https://example.net/profile/example12", "https://example.org/@example34"],
      "logo": "https://www.example.com/assets/images/logo.png",
      "contactPoint": {
        "contactType": "Customer Service",
        "email": "support@example.com",
        "telephone": "+47-99-999-9900"
      },
      "vatID": "FR12345678901",
      "iso6523Code": "0199:724500PMK2A2M1SQQ228",
      "hasMerchantReturnPolicy": {
        "@type": "MerchantReturnPolicy",
        "applicableCountry": ["FR", "CH"],
        "returnPolicyCountry": "FR",
        "returnPolicyCategory": "https://schema.org/MerchantReturnFiniteReturnWindow",
        "merchantReturnDays": 60,
        "returnMethod": "https://schema.org/ReturnByMail",
        "returnFees": "https://schema.org/FreeReturn",
        "refundType": "https://schema.org/FullRefund"
      }
      // Other Organization-level properties
      // ...
    }
    </script>
  </head>
  <body>
  </body>
</html>OnlineStore (ประเภทย่อยของ Organization) ที่มีโปรแกรมการเป็นสมาชิก
ต่อไปนี้คือตัวอย่างร้านค้าออนไลน์ที่มีโปรแกรมการเป็นสมาชิกและระดับการเป็นสมาชิก 2 ระดับในโค้ด JSON-LD
ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรมสมาชิกได้ในเอกสารประกอบโปรแกรมสะสมคะแนน
<html>
  <head>
    <title>About Us</title>
    <script type="application/ld+json">
    {
      "@context": "https://schema.org",
      "@type": "OnlineStore",
      "hasMemberProgram": {
        "@type": "MemberProgram",
        "name": "Membership Plus",
        "description": "For frequent shoppers this is our top-rated loyalty program",
        "url": "https://www.example.com/membership-plus",
        "hasTiers": [
          {
            "@type": "MemberProgramTier",
            "@id": "#plus-tier-silver",
            "name": "silver",
            "url": "https://www.example.com/membership-plus-silver",
            "hasTierBenefit": [
              "https://schema.org/TierBenefitLoyaltyPoints"
            ],
            "membershipPointsEarned": 5
          },
          {
            "@type": "MemberProgramTier",
            "@id": "#plus-tier-gold",
            "name": "gold",
            "url": "https://www.example.com/membership-plus-gold",
            "hasTierRequirement":
            {
              "@type": "CreditCard",
              "name": "Example platinum card plus"
            },
            "hasTierBenefit": [
              "https://schema.org/TierBenefitLoyaltyPrice",
              "https://schema.org/TierBenefitLoyaltyPoints"
            ],
            "membershipPointsEarned": 10
          }
        ]
      }
      // Other Organization-level properties
      // ...
    }
    </script>
  </head>
  <body>
  </body>
</html>หลักเกณฑ์
คุณต้องทำตามหลักเกณฑ์เหล่านี้เพื่อให้ Structured Data มีสิทธิ์รวมในผลการค้นหาของ Google Search
หลักเกณฑ์ทางเทคนิค
เราขอแนะนำให้วางข้อมูลนี้ในหน้าแรกหรือหน้าเดี่ยวที่อธิบายถึงองค์กรของคุณ เช่น หน้าเกี่ยวกับเรา โดยคุณไม่จำเป็นต้องใส่ไว้ในทุกๆ หน้าของเว็บไซต์
  เราขอแนะนำให้ใช้ประเภทย่อย schema.org ที่เจาะจงที่สุดของ Organization ซึ่งตรงกับองค์กรของคุณ เช่น หากคุณมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ เราขอแนะนําให้ใช้ประเภทย่อย OnlineStore แทน OnlineBusiness
  และหากเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับธุรกิจในพื้นที่ เช่น ร้านอาหารหรือกิจการที่มีหน้าร้านจริง เราแนะนำให้ระบุรายละเอียดด้านการดูแลระบบโดยใช้ประเภทย่อยที่เจาะจงที่สุดจาก LocalBusiness และกรอกข้อมูลในฟิลด์ที่จำเป็นและแนะนำสำหรับธุรกิจในพื้นที่นอกเหนือจากฟิลด์ที่แนะนำในคู่มือนี้
คำจำกัดความของประเภท Structured Data
Google ยอมรับพร็อพเพอร์ตี้ของ Organization ดังต่อไปนี้
  ระบุพร็อพเพอร์ตี้แนะนําที่ใช้กับหน้าเว็บของคุณให้มากที่สุดเพื่อช่วยให้ Google เข้าใจหน้าเว็บได้ดีขึ้น ไม่มีพร็อพเพอร์ตี้ที่จําเป็น แต่ให้เพิ่มพร็อพเพอร์ตี้ที่ใช้กับองค์กรของคุณแทน
| พร็อพเพอร์ตี้ที่แนะนำ | |
|---|---|
| address | ที่อยู่ (ที่อยู่จริงหรือที่อยู่ทางไปรษณีย์) ขององค์กร (หากมี) ระบุข้อมูลทั้งหมดที่ใช้กับประเทศของคุณ ยิ่งคุณระบุพร็อพเพอร์ตี้มากเท่าใด ผลการค้นหาก็จะยิ่งมีคุณภาพสำหรับผู้ใช้มากขึ้นเท่านั้น คุณสามารถระบุที่อยู่ได้หลายรายการหากมีสถานที่ตั้งอยู่ในหลายเมือง รัฐ หรือประเทศ เช่น "address": [{ "@type": "PostalAddress", "streetAddress": "999 W Example St Suite 99 Unit 9", "addressLocality": "New York", "addressRegion": "NY", "postalCode": "10019", "addressCountry": "US" },{ "streetAddress": "999 Rue due exemple", "addressLocality": "Paris", "postalCode": "75001", "addressCountry": "FR" }] | 
| address.addressCountry | ประเทศสำหรับที่อยู่ทางไปรษณีย์ โดยใช้รหัสประเทศ ISO 3166-1 alpha-2 2 ตัวอักษร | 
| address.addressLocality | เมืองของที่อยู่ทางไปรษณีย์ | 
| address.addressRegion | ภูมิภาคของที่อยู่ทางไปรษณีย์ (หากมี) เช่น รัฐ | 
| address.postalCode | รหัสไปรษณีย์ | 
| address.streetAddress | ที่อยู่แบบเต็มของที่อยู่ทางไปรษณีย์ | 
| alternateName | ชื่อที่รู้จักโดยทั่วไปชื่ออื่นที่องค์กรของคุณใช้ (หากมี) | 
| contactPoint | วิธีที่ดีที่สุดให้ผู้ใช้ติดต่อธุรกิจของคุณ (หากมี) รวมวิธีการสนับสนุนทั้งหมดที่พร้อมให้บริการแก่ผู้ใช้ตามแนวทางปฏิบัติแนะนำจาก Google เช่น "contactPoint": { "@type": "ContactPoint", "telephone": "+9-999-999-9999", "email": "contact@example.com" } | 
| contactPoint.email | อีเมลสำหรับติดต่อธุรกิจ (หากมี)
        หากคุณใช้ประเภท  | 
| contactPoint.telephone | หมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อธุรกิจ (หากมี)
        อย่าลืมใส่รหัสประเทศและรหัสพื้นที่ในหมายเลขโทรศัพท์ด้วย
        หากคุณใช้ประเภท  | 
| description | คำอธิบายองค์กรของคุณโดยละเอียด หากมี | 
| duns | หมายเลข DUNS ของ Dun & Bradstreet เพื่อระบุ  | 
| email | อีเมลสำหรับติดต่อธุรกิจ (หากมี) | 
| foundingDate | วันที่  | 
| globalLocationNumber | หมายเลขสถานที่ตั้งทั่วโลกของ GS1 ที่ระบุสถานที่ตั้งของ  | 
| hasMerchantReturnPolicy | 
 
          นโยบายคืนสินค้าของ  | 
| hasMemberProgram | 
 
          โปรแกรมสมาชิก (โปรแกรมสะสมคะแนน) ที่คุณมีให้ (หากมี)
         ดูข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับพร็อพเพอร์ตี้ที่จำเป็นและไม่บังคับสำหรับ  | 
| iso6523Code | ตัวระบุ ISO 6523 ขององค์กร (หากมี)
          ส่วนแรกของตัวระบุ ISO 6523 คือ  
 | 
| legalName | ชื่อตามกฎหมายที่จดทะเบียนของ  | 
| leiCode | ตัวระบุสำหรับ  | 
| logo | 
 โลโก้ที่เป็นตัวแทนองค์กรของคุณ (หากมี) การเพิ่มพร็อพเพอร์ตี้นี้ช่วยให้ Google เข้าใจได้ดีขึ้นว่าคุณต้องการแสดงโลโก้ใดในผลการค้นหาและการ์ดความรู้ เป็นต้น หลักเกณฑ์เกี่ยวกับรูปภาพ 
 หากใช้ประเภท  | 
| naics | รหัสระบบการจัดประเภทอุตสาหกรรมของอเมริกาเหนือ (North American Industry Classification System หรือ NAICS) สำหรับ  | 
| name | 
        ชื่อองค์กรของคุณ ใช้  | 
| numberOfEmployees | จำนวนพนักงานใน  ตัวอย่างการระบุจำนวนพนักงานอย่างเจาะจง "numberOfEmployees": { "@type": "QuantitativeValue", "value": 2056 } ตัวอย่างการระบุจำนวนพนักงานเป็นช่วงตัวเลข "numberOfEmployees": { "@type": "QuantitativeValue", "minValue": 100, "maxValue": 999 } | 
| sameAs | URL ของหน้าเว็บบนเว็บไซต์อื่นที่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์กร (หากมี) เช่น URL ไปยังหน้าโปรไฟล์ขององค์กรในโซเชียลมีเดียหรือเว็บไซต์รีวิว คุณระบุ URL ของ  | 
| taxID | หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีที่เชื่อมโยงกับ  | 
| telephone | หมายเลขโทรศัพท์ของธุรกิจที่จะใช้เป็นวิธีติดต่อหลักสำหรับลูกค้า (หากมี) อย่าลืมใส่รหัสประเทศและรหัสพื้นที่ในหมายเลขโทรศัพท์ด้วย | 
| url | URL เว็บไซต์ขององค์กร (หากมี) วิธีนี้จะช่วยให้ Google ระบุองค์กรของคุณได้อย่างเด่นชัด | 
| vatID | รหัส VAT (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) ที่เชื่อมโยงกับ  | 
การแก้ปัญหา
หากประสบปัญหาในการใช้หรือแก้ไขข้อบกพร่องของ Structured Data โปรดดูแหล่งข้อมูลต่อไปนี้ซึ่งอาจช่วยคุณได้
- หากคุณใช้ระบบจัดการเนื้อหา (CMS) หรือมีผู้อื่นดูแลเว็บไซต์ ให้ขอความช่วยเหลือจากฝ่ายสนับสนุนของระบบหรือผู้ดูแลเว็บดังกล่าว และอย่าลืมส่งต่อข้อความจาก Search Console ที่ระบุรายละเอียดปัญหาด้วย
- Google ไม่รับประกันว่าฟีเจอร์ที่ใช้ Structured Data จะแสดงในผลการค้นหา ดูรายการสาเหตุทั่วไปที่ Google อาจไม่แสดงเนื้อหาของคุณเป็นผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียได้ในหลักเกณฑ์ทั่วไปเกี่ยวกับ Structured Data
- Structured Data ของคุณอาจมีข้อผิดพลาดอยู่ ตรวจสอบรายการข้อผิดพลาดของ Structured Data และรายงาน Structured Data ที่แยกวิเคราะห์ไม่ได้
- หากมีการดำเนินการกับ Structured Data โดยเจ้าหน้าที่ในหน้าของคุณ ระบบจะไม่สนใจ Structured Data ในหน้าดังกล่าว (แม้ว่าหน้าจะยังปรากฏในผลการค้นหาของ Google Search ก็ตาม) วิธีแก้ปัญหาเกี่ยวกับ Structured Data คือใช้รายงานการดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่
- อ่านหลักเกณฑ์อีกครั้งเพื่อดูว่าเนื้อหาของคุณละเมิดหลักเกณฑ์หรือไม่ ปัญหาอาจเกิดจากเนื้อหาที่เป็นสแปมหรือการใช้มาร์กอัปที่เป็นสแปม อย่างไรก็ตาม ปัญหาอาจไม่ได้เป็นปัญหาด้านไวยากรณ์ ซึ่งทำให้การทดสอบผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียระบุปัญหาเหล่านั้นไม่ได้
- แก้ปัญหาเกี่ยวกับผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียขาดหายไป/จำนวนรวมของผลการค้นหาที่เป็นริชมีเดียลดลง
- ขอให้อดทนรอระหว่างที่เราทำการ Crawl และจัดทำดัชนีอีกครั้ง และโปรดทราบว่าหลังจากที่คุณเผยแพร่หน้าหนึ่งๆ แล้ว อาจใช้เวลาหลายวันกว่า Google จะพบและทำการ Crawl หน้าดังกล่าว ดูคำถามทั่วไปเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลและการจัดทำดัชนีได้ในคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูลและการจัดทำดัชนีของ Google Search
- โพสต์คำถามในฟอรัม Google Search Central